สถิติการคุมทีมในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ของ ราล์ฟ รังนิก

ราล์ฟ รังนิก เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล ผู้บริหาร และอดีตนักเตะอาชีพชาวเยอรมัน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวของสโมสร แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ ลีก หลังจากอาชีพนักเตะที่ไร้ประสบการณ์ Ralf Rangnick เริ่มอาชีพโค้ชในปี 1983 เมื่ออายุ 25 ปี

winsportsthเว็บไซต์ที่ดีที่สุด เดิมพัน1×2  / ข่าวล่าสุด /ตารางพรีเมียร์ลีก

สมัครเลย เดิมพันฟุตบอล ค่าน้ำที่ดีที่สุด

สถิติการคุมทีมในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ของ ราล์ฟ รังนิก

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม Ralf Rangnick (ราล์ฟรังนิก)

วันเกิด   29 มิถุนายน ค.ศ. 1958 (63 ปี)

เกิดที่     บัคนัง เยอรมนีตะวันตก

ส่วนสูง 1.81 เมตร

ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (ผู้จัดการทีมชั่วคราว)

ราล์ฟ รังนิก สนุกกับอาชีพการบริหารที่ยาวนานและโดดเด่นมายาวนานตั้งแต่ปี 1983 แต่การมีส่วนร่วมของกุนซือชาวเยอรมันในการแข่งขันระดับสโมสรฟุตบอลยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถือว่ายังน้อยมาก ในฐานะผู้จัดการทีมชาลเก้ และดำรงผู้จัดการทีมชั่วคราวของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนนี้

นี่คือเกมแชมเปี้ยนส์ลีกทุกเกมที่ราล์ฟ รังนิคมีส่วนร่วมในฐานะผู้จัดการทีม

100% โบนัสคืนยอดเสียกีฬา เดิมพันครั้งแรกเสีย! Vwin แจกคืนสูงสุด! 300 บาท

สมัครเลย เดิมพันฟุตบอล ค่าน้ำที่ดีที่สุด

ชาลเก้ 04

1. พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 1-0 ชาลเก้ 04 (13 กันยายน 2005)

ประตู : พีเอสวี – เวนเนกอร์ ออฟ เฮสเซลิงค์ (นาทีที่ 33)

ราล์ฟ รังนิค ลิ้มรสฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีมที่ชาลเก้ในปี 2005 หลังจากคุมทีม สตุ๊ทการ์ท และ ฮันโนเวอร์ 96

เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีนักสำหรับกุนซือชาวเยอรมันโดยมีประตูเกิดขึ้นเพียงเดียวของเกมส่งผลให้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เป็นฝ่ายชนะ

2. ชาลเก้ 04 2-2 เอซี มิลาน (28 กันยายน 2005)

ผู้ทำประตู : ชาลเก้ 04 – ซอเรน ลาร์เซ่น (นาทีที่ 3), ฮามิท อัลตินท็อป (นาทีที่ 70); เอซี มิลาน – คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ (นาทีที่ 1), อังเดร เชฟเชนโก้ (นาทีที่ 59)

2 สัปดาต่อมาห์ชาลเก้ฟอร์มดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อทีมของ ราล์ฟ รังนิค ทำแต้มได้กับในเกมกับ เอซี มิลาน

2 ประตูที่อย่างรวดเร็วจาก คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ และ ซอเรน ลาร์เซ่น เริ่มต้นเกมได้อย่างสนุกสุดมันส์ ก่อนที่ อังเดร เชฟเชนโก้ ผู้ทำประตูสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ในปีนั้นจะทำให้มิลานขึ้นนำ  เหลือเวลาอีก 20 นาทีชาลเก้ ได้ประตูตีเสมอ โดยฮามิท อัลตินท็อป

3. เฟเนร์บาห์เช่ 3-3 ชาลเก้ 04 (19 ตุลาคม 2005)

ประตู : เฟเนร์บาห์เช่ – ฟาบิโอ ลูเซียโน่ (นาทีที่ 14), เมิร์ต โนเบร (นาทีที่ 73), สตีเฟ่น อัปเปียห์ (นาทีที่ 79); ชาลเก้ 04 – ลินคอล์น (นาทีที่ 59, 62), เควิน คูรานยี (นาทีที่ 77)

ความบันเทิงยังคงดำเนินต่อไปในเกมที่ 3 ของรังนิก แต่เขายังคงค้นหาชัยชนะครั้งแรกของเขา หลังจากเสมอ 3-3 ที่เฟเนร์บาห์เช่อย่างน่าตื่นเต้น

ฟาบิโอ ลูเซียโน่ เบิกสกอร์ให้เจ้าบ้านขึ้นนำก่อนในครึ่งแรก ลินคอล์นใช้เวลา 3 นาทีทำ 2 ประตูอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังให้ชาลเก้ขึ้นนำ และเมิร์ต โนเบร ก้อตามตีเสมอให้ เฟเนร์บาห์เช่ ได้อีกครั้ง อีก 5 นาทีต่อมา  เควิน คูรานยี ซัดให้ทีมเยือนได้เฮอีก แต่ก็ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ เฟเนร์บาห์เช่ ตามตีเสมอได้อีกครั้งจาก สตีเฟ่น อัปเปียห์

4. ชาลเก้ 04 2-0 เฟเนร์บาห์เช่ (1 พฤศจิกายน 2005)

ประตู: ชาลเก้ 04 – เควิน คูรานยี (นาทีที่ 32), แอบบี้ แซนด์ (นาทีที่ 90)

ในที่สุด ในเกมที่ 4 ของรอบแบ่งกลุ่ม รังนิคได้ลิ้มรสชัยชนะครั้งแรก เมื่อชาลเก้เอาชนะเฟเนร์บาห์เช่ 2-0

เควิน คูรานยี ทำประตูได้อีกครั้งเช่นเดียวกับตำนานของเดนมาร์ก แอบบี้ แซนด์ ที่บวกสกอร์เพิ่มในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

5. ชาลเก้ 04 3-0 พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (23 พฤศจิกายน 2005)

ผู้ทำประตู : ชาลเก้ 04 – เลเวน โคเบียชวิลี่ (นาทีที่ 18, 73, 79)

ช่วงเวลาดีๆ ยังคงดำเนินต่อไปอีกเมื่อชาลเก้เอาชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ได้อย่างสบายๆ 3-0

เลเวน โคเบียชวิลี่ เป็นฮีโร่ในค่ำคืนนี้ให้ หลังจากทำแฮตทริกได้

6. เอซี มิลาน 3-2 ชาลเก้ 04 (6 ธันวาคม 2005)

ผู้ทำประตู : เอซี มิลาน – อันเดีร์ย ปีร์โล่ (นาทีที่ 42), ริคาโด้ กาก้า (นาทีที่ 52, 60); ชาลเก้ 04 – คริสเตียน พอลเซ่น (นาทีที่ 44), ลินคอล์น (นาทีที่ 67)

แม้จะชนะสองเกมก่อนในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ชาลเก้ก็ต้องการผลการแข่งขันที่เป็นบวกกับ เอซี มิลานในนัดนี้ หากจากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ชนะเฟเนร์บาห์เช่ได้ จะทำให้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มทันที

อันเดีร์ย ปีร์โล่ ยิงให้ เอซี มิลาน ขึ้นนำก่อน แต่ คริสเตียน พอลเซ่น จะตามตีเสมอได้เร็วเพียงแค่ 2 นาที แต่ครึ่งหลัง ขุมกำลังชาลเก้ ไม่สามารถที่จะหยุด ริคาโด้ กาก้า ได้ แม้ว่า ลินคอล์น จะทำประตูตีตื้นมา ส่งผลให้สกอร์ 3-2 ที่ซานซิโร ไม่เพียงพอที่จะไปสู่ชัยชนะ ตกลงไปเล่นยูฟ่า คัพต่อไป

7. อินเตอร์ มิลาน 2-5 ชาลเก้ 04 (5 เมษายน 2554)

ประตู: อินเตอร์ มิลาน – เดยัน สแตนโควิช (นาทีที่ 1), ดิเอโก้ มิลิโต้ (34); ชาลเก้ 04 – โจเอล มาติป (นาทีที่ 17), เอดู (นาทีที่ 40, 75), ราอูล กอนซาเลซ (นาทีที่ 53), อันเดรีย รานอคเคีย (ทำเข้าประตูตัวเอง นาทีที่ 57)

ราล์ฟ รังนิคถูกไล่ออกจากการเป็นผู้จัดการทีมหลังจากที่ชาลเก้ตกรอบแบ่งกลุ่มในปี 2005 และ 6 ปีต่อมา รังนิค ได้กลับมาคุม ชาลเก้ 04 อีกครั้ง ในรอบน็อคเอาท์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

โดยเขาเข้ามาแทนที่ เฟลิกซ์ มากัธ หลังจากที่ได้ไปคุมทีม ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาอย่างยาวนาน เขากลับมาพลิกสถานการณ์ได้ด้วยการเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ที่ซาน ซิโร 5-2 หลังจากที่โดน อินเตอร์ มิลาน ยิงนำตั้งแต่นาทีที่ 1 โจเอล มาติป และ ราอูล กอนซาเลซ เป็นหนึ่งในผู้ทำประตูในค่ำคืนอันโด่งดังของสโมสร

8. ชาลเก้ 04 2-1 อินเตอร์ มิลาน (13 เมษายน 2011)

ประตู : ชาลเก้ 04 – ราอูล กอนซาเลซ (นาทีที่ 45), เบเนดิคก์ ฮาเวเดส (นาทีที่ 81) อินเตอร์ มิลาน – ติอาโก้ ม็อตต้า (นาทีที่ 49)

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ชาลเก้ผนึกชัยชนะรวม 7-3 ด้วยการย้ำชัยชนะ 2-1 ที่สนามกีฬาเวลตินส์ ราอูล กอนซาเลซ โชว์ฟอร์มแจ่มอีกครั้งบนเวทีชั้นนำของฟุตบอลยุโรป เบิกประตูนำร่องท้ายครึ่งแรก ก่อนที่เบเนดิกต์ ฮาเวเดส จะทำให้ชาลเก้และรังนิกผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จไปพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

9. ชาลเก้ 04 0-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (26 เมษายน 2011)

ประตู: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – ไรอัน กิ๊กส์ (นาทีที่ 67), เวย์น รูนีย์ (นาทีที่ 69)

ประสบการณ์ครั้งแรกของรังนิคในการเผชิญหน้ากับทีมจากอังกฤษในแชมเปี้ยนส์ลีกนั้นเกิดขึ้นกับเกมที่เจอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าปีศาจแดงแข็งแกร่งเกินกว่าขุมกำลังของชาลเก้

เลกแรกของรอบรองชนะเลิศที่เล่นในเยอรมนี ถูกตัดสินโดยประตูที่รวดเร็วจากไรอัน กิ๊กส์และเวย์น รูนีย์ ซึ่งทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กุมความได้เปรียบกลับไปที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดก่อน 2-0

10. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1 ชาลเก้ 04 (4 พฤษภาคม 2011)

ประตู: แมนฯ ยูไนเต็ด – อันโตนิโอ วาเลนเซีย (นาทีที่ 26), ดารอน กิ๊บสัน (นาทีที่ 31), แอนเดอร์สัน (นาทีที่ 72, 76); ชาลเก้ 04 – เควิน จูราโด (นาทีที่ 35)

จากนั้นชาลเก้ของราล์ฟ รังนิค ก้อพ่ายอย่างหมดรูปในเลกที่สองที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยพพ่ายไป 4-1 ในคืนนี้และรวมผล 2 นัดตกรอบด้วยประตูรวม 6-1

หลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำประตูขึ้นนำได้ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกจากอันโตนิโอ วาเลนเซียและดาร์รอน กิ๊บสัน พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเกมสุดท้ายของราล์ฟ รังนิคในฐานะผู้จัดการทีม หลังจากนั้น 4 เดือนต่อมา เขาได้ลาออกจากสโมสร เนื่องจาก โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง

สรุปสถิติการคุมทีมชาลเก้ 04 ในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ของ ราล์ฟ รังนิก

คุมทีม : 10 นัด

ชนะ: 4 นัด

เสมอ : 2 นัด

แพ้: 4 นัด

ยิงได้ : 20 ประตู

เสีย : 18 ประตู

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

11. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ยัง บอยส์ (8 ธันวาคม 2021)

ประตู: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เมสัน กรีนวูด (นาทีที่ 9); ยัง บอยส์ – ฟาเบียน รีเดอร์ (นาทีที่ 42)

เกมแรกของ ราล์ฟ รังนิค ในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราวที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่มารับตำแหน่งหลังจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่ถูกไล่ออก ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คือ เกมนี้

ปีศาจแดงผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์เรียบร้อยแล้ว และ นักเตะในทีมที่ลงเล่นนัดนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำได้เพียง เสมอ 1-1 กับ ยัง บอยส์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  เป็นแชมป์กลุ่มและจับได้คู่กับเจอกับ แอตเลติโก มาดริดในรอบ 16 ทีม

12. แอตเลติโก มาดริด 1-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (23 กุมภาพันธ์ 2022)

ประตู : แอตเลติโก มาดริด – ชูเอา เฟลิกซ์ (นาทีที่ 7); แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – แอนโทนี่ อีแลงก้า (นาทีที่ 80)

ฟอร์มการเล่นที่ค่อนข้างธรรมดาใน หว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ จบลงด้วยการที่ราล์ฟ รังนิค พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  เสมอกับแอตเลติโก มาดริด 1-1 ในเจอกันรอบ 16 ทีมนัดแรก ช่วงต้นของเกม ชูเอา เฟลิกซ์ ยิงให้ แอตเลติโก มาดริด ขึ้นนำ แต่หลังจากล้มเหลวในการบวกสกอร์เพิ่มไม่ได้ ทั้งชนเสา ชนคาน ช่วงนาทีที่ 75 ราล์ฟ รังนิค ได้ส่งดาวรุ่งอย่าง แอนโทนี่ อีแลงก้า ลงมา ในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 10 นาทีเท่านั้น อีแลงก้า ก้อทำประตูตีเสมอให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ

สรุปสถิติการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ของ ราล์ฟ รังนิก

คุมทีม : 2 นัด

ชนะ: – นัด

เสมอ : 2 นัด

แพ้: – นัด

ยิงได้ : 2 ประตู

เสีย : 2 ประตู

แทงบอล ค่าน้ำดีที่สุด 

มีเว็บไซต์พนัน บริการมากมายแต่ที่ น่าเชื่อถือได้ และได้เงินจริงง่าย ฝาก-ถอนรวดเร็ว ง่ายๆ ใน 1 นาที ทรูวอลเล็ต มีให้บริการ  แอดขอแนะนำเว็บ VWIN หรือ เว็บเดิมพันออนไลน์ เว็บวีวิน เราตอบสนองทุกการเดิมพัน ทั้งด้านเกม กีฬาออนไลน์ คาสิโนออนไลน์ สล็อตออนไลน์ และ ล็อตเตอรี่ออนไลน์